ความแตกต่างระหว่าง Vacuum Decay และ Pressure Decay
การตรวจสอบรอยรั่ว (Leak Testing) เป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อรับรองความปลอดภัยและคุณภาพของบรรจุภัณฑ์ทางการแพทย์ ยา และอุตสาหกรรมที่ต้องการความแม่นยำสูง โดยวิธีที่ใช้บ่อยคือ Vacuum Decay และ Pressure Decay ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดต่างกัน
หลักการทำงาน
Vacuum Decay
สร้างสุญญากาศในห้องทดสอบ
แยกตัวอย่างออกจากระบบ
หากมีรอยรั่ว อากาศจะไหลเข้าสู่ chamber และทำให้แรงดันเพิ่มขึ้น
การเปลี่ยนแปลงของแรงดันนี้ใช้บ่งชี้รอยรั่ว
Pressure Decay
เพิ่มแรงดันในห้องทดสอบหรือภายในตัวอย่าง
แยกตัวอย่างออกจากแหล่งแรงดัน
หากมีรอยรั่ว อากาศจะไหลออกและทำให้แรงดันลดลง
การเปลี่ยนแปลงของแรงดันนี้ใช้บ่งชี้รอยรั่ว
เปรียบเทียบ Vacuum Decay และ Pressure Decay
หัวข้อ | Vacuum Decay | Pressure Decay |
---|---|---|
ความไวในการตรวจ | สูงมาก เหมาะกับการตรวจรอยรั่วเล็ก | ต่ำกว่า เหมาะกับรอยรั่วใหญ่ |
ความเสี่ยงการปนเปื้อน | ต่ำ | สูงกว่า (สิ่งภายนอกอาจถูกดันเข้า) |
ผลกระทบต่อบรรจุภัณฑ์ | อ่อนโยนกว่า | อาจเกิดแรงกดสูง |
ค่าใช้จ่าย | ต้องใช้ระบบสุญญากาศที่แม่นยำ | ระบบง่ายกว่าและถูกกว่า |
ควรเลือกวิธีใด?
เลือก Vacuum Decay เมื่อ:
ต้องการตรวจรอยรั่วระดับจุลภาค (micro leak)
ต้องหลีกเลี่ยงการปนเปื้อน
ใช้กับบรรจุภัณฑ์ยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์
มีข้อกำหนดมาตรฐานกำกับ (เช่น USP, ASTM)
เลือก Pressure Decay เมื่อ:
รอยรั่วมีขนาดใหญ่กว่า
ความเรียบง่ายและต้นทุนต่ำสำคัญกว่า
ใช้กับบรรจุภัณฑ์หรือชิ้นงานที่แข็งแรง